พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ พ.ศ.2535 หาทุนบูรณะวิหาร
"พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์" เป็นนามของพระพุทธรูปโบราณ สมัยสุโขทัย ปางมารวิชัย เนื้อสำริด เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอุทัยธานี ซึ่งชาวบ้านทั่วไปรู้จักในนาม "หลวงพ่อมงคล"
พระพุทธรูปโบราณองค์นี้ อัญเชิญมาจากสุโขทัย สร้างในสมัยพระเจ้าลิไท โดยฝีมือช่างชาวสุโขทัย ยุค 2 ครั้งแรกนำมาประดิษฐานไว้ที่วัดขวิด ณ บ้านสะแกกรัง ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี ริมแม่น้ำสะแกกรังฝั่งตะวันตก
เมื่อปีพ.ศ.2471 สมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ ขณะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะมณฑลนครสวรรค์ ได้เดินทางมาตรวจคณะสงฆ์จังหวัดอุทัยธานี
ขณะไปตรวจเสนาสนะและปูชนียวัตถุในวัดขวิด ได้พบเห็นพระพุทธรูปโบราณสมัยสุโขทัย ประดิษฐานในวิหารชำรุดทรุดโทรมมาก จึงโปรดให้พระราชอุทัยกวี (พุฒ สุทัตโต) เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี เจ้าอาวาสวัดมณีสถิตกปิฏฐาราม (วัดทุ่งแก้ว) เป็นผู้ดูแลรักษาพระพุทธรูปองค์นี้
ต่อมาทางการได้รวมวัดขวิดกับวัดทุ่งแก้ว เข้าเป็นวัดเดียวกัน
วันพุธขึ้น 3 ค่ำ เดือน 4 ปีชวด พ.ศ.2491 พระครูอุเทศธรรมวิจัย (หลวงพ่อป๊อก) วัดอุโปสถาราม เป็นประธานประกอบพิธีบวงสรวง ร่วมกับ พระอุดมธรรมภาณ (สม สุนทรธัมโม) และพระราชอุทัยกวี (พุฒ) พร้อมกับบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระเศียรพระพุทธรูปโบราณองค์ดังกล่าว และอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ โรงน้ำร้อนชั่วคราว วัดสังกัสรัตนคีรี ถวายพระนามว่า "พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์"
พระอุดมธรรมภาณ อดีตเจ้าอาวาสวัดสังกัสรัตนคีรี ร่วมกับพระราช อุทัยกวี (พุฒ) อดีตเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี ได้จัดสร้างวิหารพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ โดยให้ พระครูอุทัยธรรมโกศล (ตี๋ วิสุทธาจาโร) และพระครู อุทิตรัตนรักษ์ (สุราษฎร์ ธัมมิโก) ควบคุมการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ และอัญเชิญพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐาน ณ วิหารหลังใหม่ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2520
พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ จึงนับเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอุทัยธานี ที่ชาวเมืองอุทัยธานีและใกล้เคียง ให้ความเลื่อมใสศรัทธา และเชื่อถือในความศักดิ์สิทธิ์ จึงมีประชาชนจากต่างจังหวัดและชาวเมืองอุทัยธานี กราบไหว้เป็นประจำในแต่ละวัน
ในปีพ.ศ.2535 พระครูอุทิตรัตนรักษ์ (สุราษฎร์ ธัมมิโก) เจ้าอาวาสวัดสังกัสรัตนคีรี อ.เมือง จ.อุทัยธานี ได้จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นหนึ่ง เป็นพระผงเนื้อผงเกสร 108 พิมพ์สี่เหลี่ยม เพื่อหาทุนบูรณะวิหาร ใช้ชื่อว่า "พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์"
ลักษณะเป็นพระผงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้าเป็นภาพนูนรูปจำลองพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ ด้านล่างองค์พระมีอักษรไทย เขียนคำว่า "พระ พุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์" ปิดทองทั้งองค์และลงชาดสีแดงที่ซุ้มครอบองค์พระ
ด้านหลังตรงกลางเป็นรูปกงจักร ภายในบรรจุอักขระขอม นะ โม พุท ธา ยะ และรอบกงจักร มีอักขระขอม พา มา จะ อุ กะ สะ นะ ทุ ด้านบนมีอักษรไทย เขียนคำว่า "หลวงพ่อพุทธมงคล" ด้านล่างใต้กงจักร มีอักษรไทย เขียนคำว่า "วัดสังกัสฯ อ.เมือง จ.อุทัยธานี"
พระผงดังกล่าว ประกอบพิธีพุทธาภิเษกในวิหารพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ โดยมีพระคณาจารย์ นั่งปรกอธิษฐานจิต อาทิ หลวงพ่อดี วัดพระรูป, หลวงพ่อเสน่ห์ วัดสว่างอารมณ์, หลวงพ่อผล วัดดักคะนน, หลวงปู่ตี๋ วัดหลวง ราชาวาส เป็นต้น
"พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์" รุ่นนี้ วัตถุประสงค์ในการจัดสร้างดี มวลสารเด่น และพระเกจิดังปลุกเสก
คอลัมน์ เปิดตลับพระใหม่
ข่าวพระเครื่อง จาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด
"พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์" เป็นนามของพระพุทธรูปโบราณ สมัยสุโขทัย ปางมารวิชัย เนื้อสำริด เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอุทัยธานี ซึ่งชาวบ้านทั่วไปรู้จักในนาม "หลวงพ่อมงคล"
พระพุทธรูปโบราณองค์นี้ อัญเชิญมาจากสุโขทัย สร้างในสมัยพระเจ้าลิไท โดยฝีมือช่างชาวสุโขทัย ยุค 2 ครั้งแรกนำมาประดิษฐานไว้ที่วัดขวิด ณ บ้านสะแกกรัง ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี ริมแม่น้ำสะแกกรังฝั่งตะวันตก
เมื่อปีพ.ศ.2471 สมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ ขณะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะมณฑลนครสวรรค์ ได้เดินทางมาตรวจคณะสงฆ์จังหวัดอุทัยธานี
ขณะไปตรวจเสนาสนะและปูชนียวัตถุในวัดขวิด ได้พบเห็นพระพุทธรูปโบราณสมัยสุโขทัย ประดิษฐานในวิหารชำรุดทรุดโทรมมาก จึงโปรดให้พระราชอุทัยกวี (พุฒ สุทัตโต) เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี เจ้าอาวาสวัดมณีสถิตกปิฏฐาราม (วัดทุ่งแก้ว) เป็นผู้ดูแลรักษาพระพุทธรูปองค์นี้
ต่อมาทางการได้รวมวัดขวิดกับวัดทุ่งแก้ว เข้าเป็นวัดเดียวกัน
วันพุธขึ้น 3 ค่ำ เดือน 4 ปีชวด พ.ศ.2491 พระครูอุเทศธรรมวิจัย (หลวงพ่อป๊อก) วัดอุโปสถาราม เป็นประธานประกอบพิธีบวงสรวง ร่วมกับ พระอุดมธรรมภาณ (สม สุนทรธัมโม) และพระราชอุทัยกวี (พุฒ) พร้อมกับบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระเศียรพระพุทธรูปโบราณองค์ดังกล่าว และอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ โรงน้ำร้อนชั่วคราว วัดสังกัสรัตนคีรี ถวายพระนามว่า "พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์"
พระอุดมธรรมภาณ อดีตเจ้าอาวาสวัดสังกัสรัตนคีรี ร่วมกับพระราช อุทัยกวี (พุฒ) อดีตเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี ได้จัดสร้างวิหารพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ โดยให้ พระครูอุทัยธรรมโกศล (ตี๋ วิสุทธาจาโร) และพระครู อุทิตรัตนรักษ์ (สุราษฎร์ ธัมมิโก) ควบคุมการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ และอัญเชิญพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐาน ณ วิหารหลังใหม่ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2520
พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ จึงนับเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอุทัยธานี ที่ชาวเมืองอุทัยธานีและใกล้เคียง ให้ความเลื่อมใสศรัทธา และเชื่อถือในความศักดิ์สิทธิ์ จึงมีประชาชนจากต่างจังหวัดและชาวเมืองอุทัยธานี กราบไหว้เป็นประจำในแต่ละวัน
ในปีพ.ศ.2535 พระครูอุทิตรัตนรักษ์ (สุราษฎร์ ธัมมิโก) เจ้าอาวาสวัดสังกัสรัตนคีรี อ.เมือง จ.อุทัยธานี ได้จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นหนึ่ง เป็นพระผงเนื้อผงเกสร 108 พิมพ์สี่เหลี่ยม เพื่อหาทุนบูรณะวิหาร ใช้ชื่อว่า "พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์"
ลักษณะเป็นพระผงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้าเป็นภาพนูนรูปจำลองพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ ด้านล่างองค์พระมีอักษรไทย เขียนคำว่า "พระ พุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์" ปิดทองทั้งองค์และลงชาดสีแดงที่ซุ้มครอบองค์พระ
ด้านหลังตรงกลางเป็นรูปกงจักร ภายในบรรจุอักขระขอม นะ โม พุท ธา ยะ และรอบกงจักร มีอักขระขอม พา มา จะ อุ กะ สะ นะ ทุ ด้านบนมีอักษรไทย เขียนคำว่า "หลวงพ่อพุทธมงคล" ด้านล่างใต้กงจักร มีอักษรไทย เขียนคำว่า "วัดสังกัสฯ อ.เมือง จ.อุทัยธานี"
พระผงดังกล่าว ประกอบพิธีพุทธาภิเษกในวิหารพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ โดยมีพระคณาจารย์ นั่งปรกอธิษฐานจิต อาทิ หลวงพ่อดี วัดพระรูป, หลวงพ่อเสน่ห์ วัดสว่างอารมณ์, หลวงพ่อผล วัดดักคะนน, หลวงปู่ตี๋ วัดหลวง ราชาวาส เป็นต้น
"พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์" รุ่นนี้ วัตถุประสงค์ในการจัดสร้างดี มวลสารเด่น และพระเกจิดังปลุกเสก
คอลัมน์ เปิดตลับพระใหม่
ข่าวพระเครื่อง จาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น