อาจารย์หนู เดินสายออกทีวีแจงปชช.ถูกพระใบฏีกาเทียนชัยร้องดีเอสไอ

อาจารย์หนู เดินสายออกทีวีแจงปชช.ถูกพระใบฏีกาเทียนชัยร้องดีเอสไอ

'อาจารย์หนู'เดินสายออกทีวีแจงปชช.ถูกพระใบฏีกาเทียนชัยร้องดีเอสไอ กล่าวหายักยอกเงินบริจาคบูชาวัตถุมงคลกว่า 300 ล้าน เล็งฟ้องเว็บลงข้อมูลทำให้เสียหาย

19ตุลาคม2555 จากกรณีที่พระใบฏีกาเทียนชัย  สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ ต.ทาเหนือ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้ตรวจสอบนายสมพงษ์ กันภัย หรือ อาจารย์หนู กันภัย อาจารย์สักชื่อดัง โดยกล่าวหาว่ายักยอกเงินบริจาคบูชาวัตถุมงคลกว่า 300 ล้านบาท ที่เป็นปัจจัยการก่อสร้างหลวงปู่ทวดองค์ยืนที่สูงที่สุดในประเทศไทย จนนายสมพงษ์ได้ออกมาแถลงข่าวตอบโต้และตั้งทนายความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักสักยันต์เลขที่ 95/5 หมู่ 1 ต.บางขะแยง อ.เมือง จ.ปทุมธานี ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีลูกศิษย์จำนวนมากได้เดินทางไปที่สำนักมีทั้งพ่อค้าประชาชน ข้าราชการตำรวจทหาร แต่ต้องผิดหวังเพราะนายสมพงษ์ไม่ได้อยู่ในสำนักดังกล่าว มีเพียงลูกศิษย์ออกมาชี้แจงว่าได้มีรายการทีวีมาติดต่อให้สัมภาษณ์ตลอดทั้ง วัน

ด้านอาจารย์หนูกล่าวว่า จากกรณีที่พระใบ ฏีกาเทียนชัยได้นำเอกสารไปร้องเรียนโดยส่วนหนึ่งในเอกสารดังกล่าวมีข้อความ ถึงเรื่องการซื้อที่ดินติดกับวัดซึ่งเป็นการซื้อโดยตนเอง เพื่อเป็นสมบัติของครอบครัว และบางส่วนได้ถวายให้วัดเพื่อสร้างสาธารณะประโยชน์ เช่น ซื้อที่ 5 ไร่ แบ่งให้วัด 3 ไร่ เป็นตน ซึ่งที่ดินดังกล่าวที่ตนเองซื้อไว้ทางวัดได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพื้นที่ใช้ เป็นสวนสุขภาพสาธารณะและศาลาอเนกประสงค์กลางน้ำ เป็นต้น

ส่วนอีกประเด็นเรื่องรายได้การจำหน่ายเหรียญและรายได้ของตนเองที่ทางวัดต้อง การให้ตนเองชี้แจง ตนเองยินดีและยืนยันว่าไม่มียอดกว่า 300 ล้านบาทตามที่พระใบฏีกาเทียนชัยบอกอย่างแน่นอน ขณะนี้ได้มอบหมายให้ทีมทนายแจ้งความดำเนินคดีกับ เว็บไซต์ต่างๆที่ลงข้อความของตนที่ทำให้ตนและครอบครัวเสียหาย รวมทั้งการลงรูปภาพและข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตก่อนเป็นอันดับแรก และกำลังรวมพยานหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีกับตัวบุคคลที่โพสต์ข้อความและรูป ภาพของตนเองและครอบครัวเนื่องจากทำให้ตนเองเสื่อมเสียต่อไป

ด้านอาจารย์หนูกล่าวเพิ่มเติมว่า จุดเริ่มต้นของโครงการสร้างหลวงปู่ทวดองค์ยืนสูงที่สุดในประเทศคือได้รู้จัก กับพระใบฏิกาเที่ยนชัยที่วัดแห่งหนึ่ง โดยมาแจ้งวัตถุประสงค์ให้ตนช่วยเหลือโดยจะสร้างเมรุภายในวัด ตนจึงเดินทางไปดูที่วัดดังกล่าว ซึ่งขณะนั้นทรุดโทรมมากจึงรับปากว่าจะช่วย แต่ตนเองมีจิตศรัทธาในองค์หลวงปู่ทวดและเห็นสภาพแวดล้อมแล้วเหมาะกับการ สร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ประชาชนทางภาคเหนือได้กราบศักการะเป็นมิ่งขวัญและกำลังใจ เพื่อเป็นถาวรวัตถุคู่กับวัด วัดจะได้เป็นสถานะที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป โดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างองค์หลวงปู่ทวดทั้งหมด

"รายได้ของผมเองส่วนมากได้มาจากการสักยันต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็น หลัก และการจำหน่ายวัตถุมงคลส่วนหนึ่ง ซึ่งในช่วงแรกทางวัดได้จัดพิธีหนุนดวง โดยผมจะเป็นประธานพิธี ซึ่งจัดประมาณ 30 ครั้ง รายได้ครั้งหนึ่งประมาณ 1 ล้านบาท ทางวัดเป็นผู้ดำเนินการและเก็บเงินทั้งหมด ผมไม่มีส่วนรู้เห็นเงินยอดดังกล่าว แต่ได้ร่วมบริจาคเงินถวายสมทบทุนไปอีกเดือนละ 3 แสน ถึง 5 แสนบาท โดยมีใบอนุโมทณาบุญ ร่วมสามสิบล้านบาท ที่ทางวัดให้มาไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งผมก็เข้าใจว่าทางวัดก็ดำเนินการจ่ายเงินค่าก่อสร้างองค์หลวงปู่ทวดตาม ระยะเวลาที่โรงหล่อกำหนด" อาจารย์หนูกล่าวและว่า

ต่อมานายกิตติ ฤทธิ์สมบูรณ์ เจ้าของโรงหล่อที่เป็นคู่สัญญาว่าจ้างสร้างองค์หลวงปู่ทวดได้มาติดต่อทวงถาม เรื่องเงินว่ายังไม่ได้รับตามจำนวนและเวลาที่กำหนด ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ตนเ

ความคิดเห็น