หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน พระเกจิดัง เมืองกรุงเก่า มรณภาพแล้ว
ในช่วงรอบทศวรรษที่ผ่านมา เมืองกรุงเก่าพระนครศรีอยุธยา มีพระเกจิ อาจารย์เรืองนามอยู่หลายรูปและต่างก็เป็นสหธรรมิกกัน
อาทิ หลวงปู่เมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา, หลวงปู่มี วัดมารวิชัย, หลวงปู่ทิม วัดพระขาว, หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน ซึ่งมีวัยวุฒิไล่เลี่ยกัน ด้านความเป็นเอกอุก็ไม่แตกต่างกัน โดยเฉพาะวิทยาคม
แต่ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ หลวงปู่เมี้ยน, หลวงปู่มี และหลวงปู่ทิม ละสังขารไปก่อน ยังความอาลัยให้ลูกศิษย์ ลูกหา และผู้ที่เลื่อมใสศรัทธา
ภาระเจตนาบุญได้รับการสืบสานต่อโดยหลวงพ่อสวัสดิ์ พระเกจิดังแห่งวัดศาลาปูน จ.พระนครศรีอยุธยา พิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคล ล้วนแล้วแต่ต้องนิมนต์ทำหน้าที่ประธานจุดเทียนชัยหรือดับเทียนชัย
แต่แล้วเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 13 มี.ค. 2556 คณะศิษย์ของหลวงพ่อสวัสดิ์ ต้องได้รับข่าวเศร้า เมื่อหลวงพ่อสวัสดิ์หรือพระราชสิทธิมงคล พระเกจิดังมรณภาพลงอย่างสงบ ขณะเข้ารับการรักษาอาการป่วย ณ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพฯ สิริอายุ 97 พรรษา 77
ถือเป็นพระเกจิที่มีอายุมากที่สุดอีกรูปหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีวัตรปฏิบัติดี เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม เป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจ วัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกโด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศ
หลวงพ่อสวัสดิ์ หรือพระราชสิทธิมงคล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเจ้าอาวาสวัดศาลาปูนวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา
อัตโนประวัติ เกิดในสกุล จิตตะทส เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2460 ที่บ้านเลขที่ 15 ม.2 ต.ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา บิดา-มารดา ชื่อ นายอยู่และนางไหม จิตตะทส ครอบครัวมีพี่น้อง 3 คน
ในช่วงวัยเยาว์ ท่านเป็นคนที่มีใจใฝ่ในธรรม แต่ด้วยทางบ้านมีฐานะยากจน เมื่อจบชั้นประถมศึกษาภาคบังคับ โรงเรียนวัดเชิงเลน อ.บางไทร ท่านจึงไม่ได้เรียนต่อชั้นที่สูงขึ้นไป
ต่อมา ได้เข้าพิธีบรรพชา เมื่ออายุ 12 ปี บวชหน้าไฟอุทิศส่วนกุศลให้มารดาเป็นเวลานาน 3 ปี ก่อนสึกอออกมา และเข้าบรรพชาเป็นครั้งที่ 2 ที่วัดบ้านสร้าง อ.บางปะอิน
จวบจนมีอายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันอังคารที่ 12 มิ.ย. 2480 ณ วัดทอง จันทริการาม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา มี พระครูนิเทศธรรมกถา เจ้าอาวาสวัดบ้านสร้าง อ.บางปะอิน เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการกรี เจ้าอาวาสวัดทองจันทริการาม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูนิเทศธรรมโกศล เจ้าอาวาสวัดพะยอม เป็นพระ อนุสาวนาจารย์
หลังอุปสมบท ท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างมุ่งมั่น สามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก
ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆ จากพระอุปัชฌาย์ นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาเรียนตำราพระมาลัย ซึ่งเป็นภาษาขอม ศึกษาการเขียนอักขระยันต์ รวมทั้งศึกษาคาถาปลุกเสกจากพระเกจิอาจารย์หลายท่าน จนมีความชำนาญ
ถือเป็นพระเกจิชื่อดังแห่งเมืองกรุงเก่า เป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่อพัน วัดบ้านสร้าง, หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช, หลวงพ่อหวล วัดพุทไธศวรรย์
นอกจากนี้ ยังมีความสามารถด้านช่างไม้และด้านออกแบบลวดลายไทย ซึ่งพบได้ตามประตูหน้าต่างและหน้าบันของวัดศาลาปูน
ท่านได้สร้างคุณูปการมากมาย อาทิ ด้านการศึกษา ท่านเป็นเจ้าสำนักเรียนพระปริยัติธรรม วัดศาลาปูน เป็นกรรมการตรวจข้อสอบธรรมสนามหลวง ออกข้อสอบและตรวจนักธรรมชั้นนวกภูมิของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งอบรมพระภิกษุสงฆ์อยู่เป็นประจำ เป็นพระวิทยากร ในการอบรมบ่อยครั้ง
งานศึกษาสงเคราะห์ จัดตั้งทุนสงเคราะห์นักเรียนทุกระดับชั้นจนถึงระดับปริญญาตรี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
งานก่อสร้างปฏิสังขรณ์ เป็นประธานหาทุนก่อสร้างปฏิสังขรณ์ วัดศาลาปูนช่วยเหลือวัดอื่นในการบูรณะและงานพิเศษ กับหน่วยงานราชการ องค์กรภาคเอกชน ตั้งแต่ปีพ.ศ.2539 จนถึงปัจจุบัน
ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2530 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระสุนทรธรรมานุ วัตร พ.ศ.2544 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่พระราชสิทธิมงคล
ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2489 เป็นเจ้าอาวาสวัดทองจันทริการาม พ.ศ.2511 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2512 เป็นเจ้าคณะอำเภอวังน้อย พ.ศ.2524 เป็นเจ้าอาวาสวัดศาลาปูนวรวิหาร พระอารามหลวง พ.ศ.2524 เป็นเจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา พ.ศ.2528 เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรี อยุธยา
พ.ศ.2541 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ในห้วงที่ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดศาลาปูน เมตตาสงเคราะห์ช่วยเหลือวัดวาอารามต่างๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัย ที่เกิดขึ้นเป็นประจำในเมืองกรุงเก่า และมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2554
ชื่อเสียงของหลวงปู่สวัสดิ์โด่งดังมานาน เป็นที่กล่าวขวัญในหมู่ศิษย์ชาวเมืองกรุงเก่า ทำให้ท่านได้รับกิจนิมนต์ไปนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุ มงคลสำคัญ
วัตถุมงคลที่หลวงปู่สวัสดิ์ ได้ร่วมนั่งอธิษฐานจิต เป็นที่นิยมของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะเหรียญวัตถุมงคลหลวงปู่สวัสดิ์ รุ่นเจริญพร ที่ได้จัดสร้างในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิดหลวงปู่สวัสดิ์ อายุครบ 96 ปี เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2555 ที่ผ่านมา
ท้ายที่สุด ด้วยสภาพสังขารที่ร่วงโรยไปตามวัย กอปรด้วยวัยที่ล่วงเลยเข้าสู่บั้นปลายชีวิต ท่านย่อมไม่สามารถหลีกหนีสัจธรรมชีวิตที่เคยกล่าวปรารภไว้ได้เช่นกัน เมื่อเวลา 10.55 น.
หลวงพ่อสวัสดิ์ มีอาการอาพาธด้วยโรคไตและโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นเวลาต่อเนื่องนานกว่า 2 ปี ล่าสุด ท่านได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพฯ
กระทั่งเวลา 15.30 น. วันที่ 13 มี.ค. 2556 หลวงพ่อสวัสดิ์ โสตถิทัตโต ได้ละสังขารอย่างสงบ
พระครูอนุกูลศาสนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดศาลาปูน และเจ้าคณะอำเภอพระนครศรี อยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า "ระหว่างที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล หลวงพ่อสวัสดิ์ จะเป็นห่วงพระภิกษุ-สามเณรวัดศาลาปูน มักจะฝากฝังให้คณะศิษย์ผู้ใกล้ชิดและคนที่มาเยี่ยม ให้ช่วยกันดูแลวัดศาลาปูนด้วย"
สำหรับพิธีศพหลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน ประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 100 วัน หลังจากครบ 100 วัน จะทำหนังสือขอพระราชทานเพลิงศพต่อไป
คอลัมน์ มงคลข่าวสด
ในช่วงรอบทศวรรษที่ผ่านมา เมืองกรุงเก่าพระนครศรีอยุธยา มีพระเกจิ อาจารย์เรืองนามอยู่หลายรูปและต่างก็เป็นสหธรรมิกกัน
อาทิ หลวงปู่เมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา, หลวงปู่มี วัดมารวิชัย, หลวงปู่ทิม วัดพระขาว, หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน ซึ่งมีวัยวุฒิไล่เลี่ยกัน ด้านความเป็นเอกอุก็ไม่แตกต่างกัน โดยเฉพาะวิทยาคม
แต่ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ หลวงปู่เมี้ยน, หลวงปู่มี และหลวงปู่ทิม ละสังขารไปก่อน ยังความอาลัยให้ลูกศิษย์ ลูกหา และผู้ที่เลื่อมใสศรัทธา
ภาระเจตนาบุญได้รับการสืบสานต่อโดยหลวงพ่อสวัสดิ์ พระเกจิดังแห่งวัดศาลาปูน จ.พระนครศรีอยุธยา พิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคล ล้วนแล้วแต่ต้องนิมนต์ทำหน้าที่ประธานจุดเทียนชัยหรือดับเทียนชัย
แต่แล้วเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 13 มี.ค. 2556 คณะศิษย์ของหลวงพ่อสวัสดิ์ ต้องได้รับข่าวเศร้า เมื่อหลวงพ่อสวัสดิ์หรือพระราชสิทธิมงคล พระเกจิดังมรณภาพลงอย่างสงบ ขณะเข้ารับการรักษาอาการป่วย ณ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพฯ สิริอายุ 97 พรรษา 77
ถือเป็นพระเกจิที่มีอายุมากที่สุดอีกรูปหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีวัตรปฏิบัติดี เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม เป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจ วัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกโด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศ
หลวงพ่อสวัสดิ์ หรือพระราชสิทธิมงคล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเจ้าอาวาสวัดศาลาปูนวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา
อัตโนประวัติ เกิดในสกุล จิตตะทส เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2460 ที่บ้านเลขที่ 15 ม.2 ต.ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา บิดา-มารดา ชื่อ นายอยู่และนางไหม จิตตะทส ครอบครัวมีพี่น้อง 3 คน
ในช่วงวัยเยาว์ ท่านเป็นคนที่มีใจใฝ่ในธรรม แต่ด้วยทางบ้านมีฐานะยากจน เมื่อจบชั้นประถมศึกษาภาคบังคับ โรงเรียนวัดเชิงเลน อ.บางไทร ท่านจึงไม่ได้เรียนต่อชั้นที่สูงขึ้นไป
ต่อมา ได้เข้าพิธีบรรพชา เมื่ออายุ 12 ปี บวชหน้าไฟอุทิศส่วนกุศลให้มารดาเป็นเวลานาน 3 ปี ก่อนสึกอออกมา และเข้าบรรพชาเป็นครั้งที่ 2 ที่วัดบ้านสร้าง อ.บางปะอิน
จวบจนมีอายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันอังคารที่ 12 มิ.ย. 2480 ณ วัดทอง จันทริการาม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา มี พระครูนิเทศธรรมกถา เจ้าอาวาสวัดบ้านสร้าง อ.บางปะอิน เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการกรี เจ้าอาวาสวัดทองจันทริการาม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูนิเทศธรรมโกศล เจ้าอาวาสวัดพะยอม เป็นพระ อนุสาวนาจารย์
หลังอุปสมบท ท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างมุ่งมั่น สามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก
ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆ จากพระอุปัชฌาย์ นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาเรียนตำราพระมาลัย ซึ่งเป็นภาษาขอม ศึกษาการเขียนอักขระยันต์ รวมทั้งศึกษาคาถาปลุกเสกจากพระเกจิอาจารย์หลายท่าน จนมีความชำนาญ
ถือเป็นพระเกจิชื่อดังแห่งเมืองกรุงเก่า เป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่อพัน วัดบ้านสร้าง, หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช, หลวงพ่อหวล วัดพุทไธศวรรย์
นอกจากนี้ ยังมีความสามารถด้านช่างไม้และด้านออกแบบลวดลายไทย ซึ่งพบได้ตามประตูหน้าต่างและหน้าบันของวัดศาลาปูน
ท่านได้สร้างคุณูปการมากมาย อาทิ ด้านการศึกษา ท่านเป็นเจ้าสำนักเรียนพระปริยัติธรรม วัดศาลาปูน เป็นกรรมการตรวจข้อสอบธรรมสนามหลวง ออกข้อสอบและตรวจนักธรรมชั้นนวกภูมิของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งอบรมพระภิกษุสงฆ์อยู่เป็นประจำ เป็นพระวิทยากร ในการอบรมบ่อยครั้ง
งานศึกษาสงเคราะห์ จัดตั้งทุนสงเคราะห์นักเรียนทุกระดับชั้นจนถึงระดับปริญญาตรี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
งานก่อสร้างปฏิสังขรณ์ เป็นประธานหาทุนก่อสร้างปฏิสังขรณ์ วัดศาลาปูนช่วยเหลือวัดอื่นในการบูรณะและงานพิเศษ กับหน่วยงานราชการ องค์กรภาคเอกชน ตั้งแต่ปีพ.ศ.2539 จนถึงปัจจุบัน
ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2530 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระสุนทรธรรมานุ วัตร พ.ศ.2544 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่พระราชสิทธิมงคล
ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2489 เป็นเจ้าอาวาสวัดทองจันทริการาม พ.ศ.2511 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2512 เป็นเจ้าคณะอำเภอวังน้อย พ.ศ.2524 เป็นเจ้าอาวาสวัดศาลาปูนวรวิหาร พระอารามหลวง พ.ศ.2524 เป็นเจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา พ.ศ.2528 เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรี อยุธยา
พ.ศ.2541 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ในห้วงที่ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดศาลาปูน เมตตาสงเคราะห์ช่วยเหลือวัดวาอารามต่างๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัย ที่เกิดขึ้นเป็นประจำในเมืองกรุงเก่า และมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2554
ชื่อเสียงของหลวงปู่สวัสดิ์โด่งดังมานาน เป็นที่กล่าวขวัญในหมู่ศิษย์ชาวเมืองกรุงเก่า ทำให้ท่านได้รับกิจนิมนต์ไปนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุ มงคลสำคัญ
วัตถุมงคลที่หลวงปู่สวัสดิ์ ได้ร่วมนั่งอธิษฐานจิต เป็นที่นิยมของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะเหรียญวัตถุมงคลหลวงปู่สวัสดิ์ รุ่นเจริญพร ที่ได้จัดสร้างในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิดหลวงปู่สวัสดิ์ อายุครบ 96 ปี เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2555 ที่ผ่านมา
ท้ายที่สุด ด้วยสภาพสังขารที่ร่วงโรยไปตามวัย กอปรด้วยวัยที่ล่วงเลยเข้าสู่บั้นปลายชีวิต ท่านย่อมไม่สามารถหลีกหนีสัจธรรมชีวิตที่เคยกล่าวปรารภไว้ได้เช่นกัน เมื่อเวลา 10.55 น.
หลวงพ่อสวัสดิ์ มีอาการอาพาธด้วยโรคไตและโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นเวลาต่อเนื่องนานกว่า 2 ปี ล่าสุด ท่านได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพฯ
กระทั่งเวลา 15.30 น. วันที่ 13 มี.ค. 2556 หลวงพ่อสวัสดิ์ โสตถิทัตโต ได้ละสังขารอย่างสงบ
พระครูอนุกูลศาสนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดศาลาปูน และเจ้าคณะอำเภอพระนครศรี อยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า "ระหว่างที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล หลวงพ่อสวัสดิ์ จะเป็นห่วงพระภิกษุ-สามเณรวัดศาลาปูน มักจะฝากฝังให้คณะศิษย์ผู้ใกล้ชิดและคนที่มาเยี่ยม ให้ช่วยกันดูแลวัดศาลาปูนด้วย"
สำหรับพิธีศพหลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน ประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 100 วัน หลังจากครบ 100 วัน จะทำหนังสือขอพระราชทานเพลิงศพต่อไป
คอลัมน์ มงคลข่าวสด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น